ตั้งเป้าหมายให้ได้ผลด้วย SMART GOALS

ขั้นตอนแรกของการประสบความสำเร็จ คือการตั้งเป้าหมาย! เพื่อให้เรารู้ว่าต้องทำอะไรจึงจะได้สิ่งที่ต้องการนั้น

แต่บ่อยครั้ง สิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ ไม่สำเร็จสักที เช่น

อยากหุ่นดี

อยากรวย

นั่นอาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนมากพอ

ซึ่งการตั้งเป้าหมายแบบ SMART goals จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ค่ะ

 

SMART GOALS คืออะไร ?

SMART goals เป็นวิธีตั้งเป้าหมายที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะช่วยให้เรานึกภาพเป้าหมายได้ชัดเจน และทำตามได้ ซึ่ง SMART เป็นคำย่อ มาจากคำต่อไปนี้

 

S : Specific – เจาะจง

เขียนรายละเอียดเป้าหมายอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ ยิ่งเราเจาะจงลงไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น อาจตั้งเป้าโดยการเลือกตอบคำถาม WH-Questions บางข้อ เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น

  • What ? ต้องการอะไร
  • When ? อยากให้สำเร็จเมื่อไหร่
  • Where ? ทำที่ไหน
  • Why ? ทำไมถึงต้องการสิ่งนี้
  • How ? จะทำให้สำเร็จยังไง
  • With whom? ทำร่วมกันกับใคร

เช่นเดิมที เป้าหมาย “อยากหุ่นดี” ของเรา ก็เพิ่มคำให้ specific ได้ดังนี้

ฉันจะหุ่นดี “เพราะอยากไปเที่ยวแล้วมีรูปสวยๆ โดยจะออกกำลังกาย, กินคลีน”

 

M : Measurable – วัดผลได้

เช็คได้ว่าสำเร็จยังไง วัดค่าเป็นสถิติ หรือดูเป็นตัวเลขได้ ซึ่งจะช่วยให้เราติดตามผลได้ง่าย ว่าเราเข้าใกล้เป้าหมายมากน้อยแค่ไหนแล้ว เช่น

“โดยลดน้ำหนักจาก 57 > 47 kg (ต้องลด 10 kg)”

 

A : Achievable – ทำตามได้

เป้าหมายนั้นต้องมีความเป็นไปได้ สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในเวลาและทรัพยากรณ์ที่มี โดยลองประเมินตัวเราเองว่าจะทำมันได้ยังไงบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งย่อยๆเป็นรายเดือน เผื่อให้ทำตามได้ง่ายขึ้น เช่น

“เดือนละประมาณ 1 kg”

ซึ่งลดน้ำหนักเดือนละ 1 kg ฟังดูทำตามได้ง่ายมากกว่าเป้าหมายลด 10 kg จากนั้นก็ลองหาวิธีการต่างๆ ที่จะทำให้แผนนั้นเป็นจริงได้ เช่น

  • ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4 วัน (จันทร์, อังคาร, พุธ, ศุกร์)
  • ทำ Intermittent Fasting (IF) แบบ 16:8 โดยจะกินเฉพาะเวลา 9.00 – 17.00

 

R : Relevant – สอดคล้องกับแผนระยะยาว

ขั้นตอนนี้เป็นการเช็คว่าเป้าหมายนั้นสำคัญต่อเราจริงหรือไม่? คุ้มค่ากับการใช้เวลาไหม? ส่งผลดียังไงต่อเรา? ถ้าทำช่วงนี้เหมาะสมหรือเปล่า? เราทำเองได้หรือต้องจ้างคนอื่นทำแทน?

ตัวอย่างแผนที่ไม่ Relevant เช่น

  • สมมติปี 2020 อยากไปเที่ยวอิตาลี แต่มีโควิด ปิดประเทศ แปลว่าเราต้องตัดมันออกไปก่อน
  • อยากทำผมแบบไล่ระดับสี ซึ่งเราย้อมเองไม่เป็น ก็ไปทำที่ซาลอนดีกว่า

ส่วนอันที่ Relevant เช่น

ถ้าลดน้ำหนักได้ สุขภาพจะดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น ระยะยาวคุ้มแน่ๆ ลุยเลย!

 

T : Time-bound – มีกรอบเวลา

กำหนดว่าจะเริ่มทำเมื่อไหร่ และใช้เวลาทำนานแค่ไหน เพื่อเป็นจุดให้เราได้ตรวจสอบมันอีกที

ซึ่งการกำหนดเดดไลน์ให้ตัวเองนี้ จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้เราทำมันให้ทันตามเวลา เพราะถ้าเราไม่กำหนดวันไว้ จะยิ่งทำให้เราผลัดวันประกันพรุ่งมันออกไปเรื่อยๆ จนไม่ได้เริ่มทำสักที

ลดน้ำหนัก 10 kg ให้ได้ภายใน 1 ปี เริ่มเดือนมกรา – ธันวาคม 2023

 

ตัวอย่างการตั้ง SMART GOALS

ที่นี้เมื่อเอาทุกข้อมารวมกัน จากการตั้งเป้าหมายลอยๆ แค่ “อยากหุ่นดี” ก็จะกลายเป็น

ฉันจะหุ่นดี ภายในปี 2023โดยลดน้ำหนักจาก 57 > 47 kg (เดือนละประมาณ 1 kg) โดย…

  • ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4 วัน (จันทร์, อังคาร, พุธ, ศุกร์)
  • กินคลีน ทำอาหารกินเอง งดของหวาน-ทอด
  • ทำ Intermittent Fasting (IF) แบบ 16:8 โดยจะกินเฉพาะเวลา 9.00 – 17.00

จะได้สุขภาพดี มั่นใจมากขึ้น มีรูปสวยๆตอนเที่ยว

 

โอ้ว… แลดูเขียนยาวมาก แต่จริงๆ ไม่ต้องเขียนหมดก็ได้น๊า เพราะ SMART GOALS จะช่วยเราเช็คว่าเป้าหมายนั้นต้องทำยังไงมากกว่า แล้วเรานำพวกขั้นตอนต่างๆ ไปเขียนใน Habit Tracker แทนค่ะ

เช่น ในปฏิทิน 2023 มีมี่มักวางแผนเป้าหมายที่อยากทำในปีนี้อยู่แล้ว จึงเขียนแค่ “น้ำหนัก 47 kg” เป็นปลายทางหลักที่จะทำให้ได้!

 

จากนั้นก็เช็คการออกกำลังกาย และการทำอาหารกินเองในแต่ละเดือน ลง Habit Tracker เพื่อดูว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน โดยติ๊กช่องตามวันที่ทำได้

 

เมื่อจบเดือน ก็จะชั่งน้ำหนัก วัดรอบเอว เพื่อบันทึกเป็นสถิติอีกที

 

แนะนำตั้งรางวัลให้ตัวเอง ก็จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจ กระตุ้นให้เราทำตามเป้าหมายได้ค่ะ

ตัวอย่างอื่นๆ เพิ่มเติม

อยากรวย >

มีเงินใช้ตอนเกษียณไม่ลำบาก โดยแบ่งเงินออมมาลงทุน ให้ได้กำไรเดือนละ 10%

 

อยากขายของออนไลน์ >

เปิดร้านใน Shopee, Lazada ภายในเดือนมีนาคม โดยขายน้ำพริกไตปลาสูตรเด็ดของแม่ จะผลิตให้ได้เดือนละ 100 กระปุก และขายให้ได้อย่างน้อย 70 กระปุกต่อเดือน

 

อยากมีบ้าน >

ซื้อบ้านภายใน 5 ปีนี้ ตั้งงบไม่เกิน 7 ล้าน ต้องมีเงินดาวน์ 7 แสนบาท หรือต้องเก็บเงินออมเดือนละ 11,700 บาท

 

อยากมีรถ

ซื้อรถ Tesla Model 3 Long Range งบ 2 ล้าน เงินดาวน์ 3 แสนบาท ต้องออมเดือนละ 30,000 บาทให้ซื้อได้ภายใน 10 เดือน แล้วผ่อน 5 ปีเดือนละ 30,500 บาท

 

สรุป

การตั้งเป้าหมายแบบ SMART GOALS  ช่วยให้เราเห็นภาพเป้าหมายชัดเจนขึ้น มีกำหนดเวลา และขั้นตอนให้ทำตามได้ง่ายๆ จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้เราทำเป้าหมายนั้นๆได้สำเร็จ แถมสามารถใช้ได้ทั้งเป้าหมายเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวเลยนะคะ

มีเป้าหมายแบบ SMART แล้ว ก็ค่อยๆลงมือทำตามที่ตั้งไว้ทีละนิด ทีละหน่อย และหมั่นเช็คติดตามผลบ้าง อาจจะเช็คเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เพื่อให้เราทำมันได้ต่อเนื่องทั้งปี

เพียงเท่านี้ มีผลลัพธ์ดีๆเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ

สมุด Hobonichi Techo แต่ละแบบต่างกันยังไงนะ ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Close ตะกร้าสินค้า
Close ถูกใจ
Recently Viewed Close
Close

Close
แถบเมนู
หมวดหมู่